ปวดต้นคอ ปวดบ่า อย่าชะล่าใจ! สัญญาณร้ายที่ร่างกายกำลังส่งเสียงเตือน

หลายๆคน ตื่นมามีอาการปวดตึงต้นคอ แถวๆคอบ่าไหล่ "คิดว่าไม่เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่นั่งหรือนอนนาน แค่เมื่อย เดี๋ยวก็หาย..."

ปวดต้นคอ ปวดบ่า อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพใหญ่ที่คุณไม่เคยคาดคิด วันนี้เราจะพาเช็กด่วน ว่าอาการแบบไหนต้องรีบแก้ อาการแบบไหนถึงขั้นต้องพบแพทย์หรืออาการไหนสามารถรักษา ป้องกันเองได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้ปวดต้นคอ-บ่า-ไหล่

• พฤติกรรมการนั่งทำงานผิดท่า การนั่งจ้องคอมหรือก้มดูมือถือเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอและบ่าเกร็งตัวเกินปกติ จนปวดตึงเรื้อรัง

• ความเครียดสะสม ความเครียดกระตุ้นให้กล้ามเนื้อคอ-บ่าหดตัวตลอดเวลา ร่างกายจึงตึงเครียดแบบไม่รู้ตัว

• ออฟฟิศซินโดรม โรคยอดฮิตของคนทำงานที่นั่งโต๊ะทั้งวัน ไม่ขยับตัว ไม่ยืดเส้นยืดสาย กล้ามเนื้อจึงล้าเกินรับไหว

• หมอนรองกระดูกเสื่อม/เคลื่อน หากปวดร้าวลงแขน ชาแขน อ่อนแรง อาจหมายถึงอาการหนักที่ต้องรีบรักษาทันที

• การนอนผิดท่า ใช้หมอนไม่ตรงสรีระ นอนหมอนสูงเกินไป ต่ำเกินไป หรือท่านอนคว่ำ ล้วนเป็นตัวการทำลายแนวกระดูกส่วนต้นคอ

สัญญาณอันตราย! เช็กตัวเองด่วน

• ปวดต้นคอ บ่า ร้าวลงแขนหรือนิ้วมือ

• รู้สึกชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

• ปวดตื้อๆ แม้พักผ่อนเต็มที่แล้ว

• มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วยบ่อยๆ

  
  

ไม่ใช่ทุกอาการที่ควรแค่ "นวดแล้วนอน" แล้วก็จบ หากมีอาการเหล่านี้ อย่ารอช้ารีบพบแพทย์ทันที อย่ารอให้อาการปวดเล็กๆ ลุกลามจนแก้ไขยาก หากเริ่มมีสัญญาณปวดต้นคอ ปวดบ่า ให้รีบเช็ก รีบดูแลร่างกายตัวเองตั้งแต่วันนี้

5 วิธีป้องกัน ก่อนที่ร่างจะพังยับ

1. ปรับท่านั่ง-ท่าทำงานให้ถูกต้อง ป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

• จอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ในระดับสายตา ไม่ต้องก้มมองลงหรือต้องเงยหน้าขึ้น

• เก้าอี้ควรมีพนักพิงที่รองรับแผ่นหลัง และนั่งเต็มก้น ไม่นั่งปลายเก้าอี้

• เท้าวางเต็มพื้น เข่าตั้งฉากกับสะโพก หากสูงไม่ถึง พิจารณาใช้ที่วางเท้าเสริม

• มือวางบนโต๊ะหรือที่รองแขนอย่างสบาย ไม่ยกไหล่ขึ้นขณะทำงาน

  
  

2. บริหารกล้ามเนื้อ ยืดเหยียดคอและบ่าทุก 1 ชั่วโมง

• อย่านั่งนิ่งเกิน 60 นาที ให้ลุกขึ้นเดิน ขยับคอ บ่า ไหล่ หมุนแขนเบาๆ

• ท่าง่ายๆ เช่น ก้มคางแตะอก / เอียงหูแตะไหล่ข้างละ 10 วินาที / หมุนไหล่ไปข้างหน้า-ข้างหลัง

• ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อ

  
  

3. ใช้หมอนที่รองรับต้นคอได้ดี (เช่น หมอนยางพาราเพื่อสุขภาพ)

• หมอนควรรองรับแนวกระดูกคอให้อยู่ในแนวธรรมชาติ ไม่สูงเกินไปหรือแฟบเกินไป

• เลือกหมอนที่ "นิ่มแน่นพอดี" เพื่อให้ต้นคอและบ่าได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

• หมอนยางพาราเพื่อสุขภาพ ช่วยกระจายน้ำหนักและลดแรงกดทับได้ดีมาก เหมาะสำหรับคนมีปัญหาปวดต้นคอ บ่า

  
  

4. ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

• เน้นเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ ไหล่ และหลังส่วนบน

• ท่าที่แนะนำ เช่น ยกดัมเบลเบาๆ เหยียดแขนขึ้น-ลง, ท่าดึงยางยืด เพื่อสร้างกล้ามเนื้อรอบคอและบ่าให้มั่นคง

  
  

5. ลดความเครียด ด้วยการพักผ่อน และทำกิจกรรมผ่อนคลาย

• ความเครียดเรื้อรังทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว จนสะสมกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง

• หาเวลาดูแลใจตัวเอง เช่น ฝึกหายใจลึกๆ ทำสมาธิ เล่นดนตรี อ่านหนังสือ หรือออกไปเดินเล่น

• นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่น้อยกว่า 6–8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้เต็มที่

ต้นคอและบ่า คือ โครงสร้างสำคัญที่ช่วยพยุงศีรษะและเชื่อมต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายช่วงบนทั้งหมด ไม่ว่าจะนั่ง ยืน หรือทำกิจกรรมต่างๆ หากเสาเอกเหล่านี้อ่อนแอหรือบาดเจ็บ อาจนำไปสู่อาการปวดเรื้อรังที่รักษายาก และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว การดูแลต้นคอและบ่าให้แข็งแรงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม